หน้าหลัก ---> ร้านค้า -->อ๊อฟ เพชรบูรณ์ --> รูปถ่ายหลังหนังเสือหลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด




ชื่อพระ :
รูปถ่ายหลังหนังเสือหลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด
ราคา :
โชว์จ้า
รายละเอียด :
 หลวงพ่อฟ้อนหรือพระครูไพศาลธรรมโฆสิตองค์นี้มีวิชาขลังพลังเสือโคร่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อจงวัดหน้าต่างนอกและหลวงพ่อปานวัดบางนมโคท่านสร้างเหรียญรุ่นแรกด้านหลังเป็นอักขระคาถาพญาเสือโคร่งสุสะเรคัสชะนิยะปลุกเสกแล้วมีอภินิหารมากมายผู้เอาไปแขวนคอมีประสบการณ์ทั้งทางเมตตาแคล้วคลาดคงกระพันและมีอำนาจเหมือนพญาเสือโคร่งบางคนเรียกว่าเหรียญเสือแขวนแล้วมีความมั่นใจใครเห็นแล้วเมตตาเหมือนคนเห็นเสือแล้วทั้งรักทั้งกลัวบางทีก็มีเสน่ห์เมตตา

ความเป็นมาของวัดบ้านพาดเป็นอย่างไรท่านพระครูสุเมธธรรมรักษ์(รวมเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันเล่าว่าวัดนี้เดิมเป็นวัดของชาวมอญสร้างขึ้นเข้าใจว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายด้วยชาวมอญที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยสร้างขึ้นพระประธานในโบสถ์นั้นรูปพระพักตร์ใบหน้าเหมือนพระมอญมากมีโคกอยู่เหนือวัดชาวบ้านเรียกว่าโคกมอญปัจจุบันเลือนหายไปหมดแล้วสิ่งก่อสร้างต่างๆได้เปลี่ยนแปลงไปจนหมดในสมัยของหลวงพ่อฟ้อนคนมอญนั้นคงจะอพยพหลบหนีไปอยู่ที่อื่นจนหมดในช่วงสงครามระหว่างไทยกับพม่าตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้นกรมศิลปากรเคยไปตรวจสอบบอกว่าวัดนี้เข้าใจว่าจะสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางแล้วคนมอญเข้ามาอยู่ในตอนหลังอีกครั้งหนึ่งพอสงครามก็ย้ายหนีไปคนไทยเข้ามาอยู่แทนที่ประกอบอาชีพในที่สุดก็เป็นวัดไทยในที่สุด

  สำหรับประวัติของหลวงพ่อฟ้อนนั้น.บุญสนองได้บันทึกไว้ว่าหลวงพ่อฟ้อนท่านเกิดเมื่อวันที่เมษายน..2442 คุณพ่อท่านชื่อเหลี่ยมคุณแม่ของท่านชื่อศรีนวลนามสกุลจิตรีผ่องมีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกันคนเป็นหญิงคนเป็นชายเพียงคนเดียวก็คือหลวงพ่อฟ้อนครอบครัวของท่านเป็นชาวนา

     เมื่อโตขึ้นก็ได้เข้าเรียนหนังสือที่วัดบ้านพาดเล่าเรียนเขียนอ่านตามสมัยทั้งภาษาไทยภาษาขอมจนท่านมีอายุครบ14 ปีจึงได้เล่าเรียนจบช่วยเหลือพ่อ-แม่ประกอบอาชีพทำนาท่านเป็นคนที่เปิดเผยไม่ชอบคนมีเล่ห์เหลี่ยมพูดตรงไปตรงมาไม่คบเพื่อนคนไหนเลยเพราะเพื่อนเคยสร้างปัญหาให้ท่านดีที่หนีทันไม่อย่างนั้นต้องเอาชีวิตไปทิ้งถิ่นอื่นอย่างแน่นอนเป็นคนชอบหาความรู้งานทางช่างไม้ท่านก็พอทำเป็นศึกษาด้วยตัวของท่านอาศัยการสังเกตและสอบถามผู้รู้

       อุปสมบทเมื่อ..2461 พระอาจารย์เยอดีตเจ้าคณะแขวงและเจ้าคณะจังหวัดอยุธยาเป็นพระอุปัชฌาย์หลวงพ่ออยู่วัดบ้านพาดเป็นพระกรรมวาจาจารย์หลวงพ่ออ่องเป็นพระอนุสาวนาจารย์ภายหลังอุปสมบทได้รับฉายาว่าเตชธมฺโมเป็นพระสงฆ์อยู่สามพรรษาสอบได้นักธรรมเอกท่านยังมีความสามารถในการเทศน์ได้อย่างไพเราะจับใจคนหลังจากนั้นท่านก็ลาสึกออกมาประกอบอาชีพทำนาด้วยความขยันต่อจากนั้นท่านก็เดินทางไปประกอบอาชีพกับญาติของท่านที่พิษณุโลกและพิจิตรไปประกอบอาชีพที่นั่นหลายปีท่านได้พบอุปสรรคอย่างมากมายและได้ศึกษาหาความรู้ทางวิชาอาคมขลังจากพระอาจารย์ยุคเก่าสมัยนั้นหลายท่านด้วยกันจนโด่งดังครั้งเป็นฆราวาสมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งรักษาโรคต่อมาเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตอย่างมากจึงเดินทางกลับไปบ้านพาดตามเดิมหลังจากที่จัดการเรื่องทรัพย์สมบัติเรียบร้อยแล้วท่านก็หันหน้าเข้าสู่ร่มเงาพระพุทธศาสนาอีกครั้งหนึ่ง

        หลังจากนั้นท่านก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพระอาจารย์ต่างๆในย่านนั้นหลายรูปด้วยกันทั้งหลวงพ่อจงวัดหน้าต่างนอกหลวงพ่อปานวัดบางนมโครวมทั้งอาจารย์ที่เก่งในด้านยาแผนโบราณและด้านคาถาอาคมขลังท่านเรียนวิชามาแล้วก็ใช้วิชานั้นช่วยเหลือผู้คนที่ป่วยไข้เดือดร้อน

      สมัยที่ท่านยังไม่ดังนั้นผู้คนรู้จักมีน้อยท่านเป็นพระที่ไม่ชอบรบกวนใครบางครั้งท่านอยากฉันขนมหวานผลไม้ท่านจะเรียกมรรคนายกวัดคนหนึ่งชื่อเล็กท่านบอกว่าข้าอยากกินขนมกับผลไม้ท่านจะให้หวยใต้ดินแต่มีข้อห้ามและสัจจะว่าคนที่รู้หรือคนที่ท่านใช้ให้ซื้อหวยใต้ดินนั้นต้องซื้อเพียงไม่กี่บาทห้ามซื้อเกินกว่าที่สั่งนานๆครั้งหนึ่งท่านจะให้หวยนายเล็กไปซื้อสักครั้งตอนหลังมีคนมาถามนายเล็กว่าใครให้หวยและชาวบ้านก็สงสัยมากว่าหลวงพ่อฟ้อนให้หวยแน่นอนคราวนี้เองคนไปสอบถามจากท่านกันมากไม่เคยขาดแต่ท่านไม่เคยให้ใครบางคนไม่มีโชคท่านพูดให้ฟังยกตัวอย่างต่างๆแต่คนผู้นั้นก็ไม่อาจจะเอาหวยไปซื้อได้พอหวยออกแล้วถึงได้รู้ว่าท่านบอกให้แล้ว

     ต่อมาด้วยคุณงามความดีของท่านทั้งการพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่พึ่งพาอาศัยของชาวบ้านใกล้เรือนไกลจึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูไพศาลธรรมโฆสิตเมื่อวันที่26 กุมภาพันธ์2515 ท่านปฏิบัติสมณธรรมมีศีลาจารวัตรงดงามเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้านตลอดมาจนถึงมรณกาลด้วยหลวงพ่อฟ้อนเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาท่านจะต้อนรับญาติโยมตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นยิ่งในช่วงที่ท่านมีชื่อเสียงบรรดาผู้คนจากที่ต่างๆเดินทางไปหากันมากทั้งงานนิมนต์ไปยังสถานที่ต่างๆใครไปหามีเรื่องเดือดร้อนอะไรท่านทำให้ทั้งนั้นในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่านมีโรคภัยเบียดเบียนเสมอๆแต่ท่านก็รักษาด้วยตัวของท่านเองทั้งใช้การปฏิบัติกรรมฐานภาวนาและก็ใช้ยาของท่านเองรักษาด้วยแต่ความชรานั้นเป็นไปตามธรรมชาติในที่สุดท่านก็จากไปด้วยความสงบเมื่อวันที่19 มิถุนายน..2519 อายุ77 ปี

 

 

ชื่อร้าน :
อ๊อฟ เพชรบูรณ์
โทรศัพท์ :
-
ผู้เข้าชม :
2592