อย่าเป็นคนดี!!

Total 3 Record : 1 Page : 1

chusak	อย่าเป็นคนดี!!
ส่งข้อความ	อย่าเป็นคนดี โดยหลวงพ่อชา สุภัทโท หลายปีที่ผ่านมา หลวงพ่อชาไปเยี่ยมวัดชิตเฮิร์สที่อังกฤษ มีอุบาสกคนหนึ่งที่เคยศึกษาธรรมะฝ่ายมหายาน มาถามหลวงพ่อชาเรื่องการปฏิบัติว่า “คนที่ปฏิบัติเพื่อเป็นพระอรหันต์กับคนที่ปฏิบัติ เพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ อันไหนจะดีกว่ากัน อันไหนสูงกว่ากัน” หลวงพ่อชาตอบว่า “อย่าเป็นอะไรเลย พระอรหันต์ก็อย่าเป็นเลย พระโพธิสัตว์ก็อย่าเป็นเลย แม้พระพุทธเจ้าก็อย่าเป็นเลย เป็นอะไรแล้วก็ต้องเป็นทุกข์ทันที” นั่นคืออย่าเป็นคนดี อย่าไปถึงระดับนั้น เพราะถ้าเป็นคนดีแล้วต้องรำคาญคนไม่ดี ทุกวันนี้คนไม่ดีมากกว่าคนดีเยอะ ไปที่ไหนก็กลุ้มใจ มีแต่ความไม่พอใจ เหมือนกับคนที่สูบบุหรี่เลิกแล้วดูคนอื่นสูบ นี่เรียกว่าติดดี ท่านไม่ให้ติด แม้จะเป็นความดี ท่านก็ไม่ให้เราติด เพราะว่าความติดเป็นทุกข์ สร้างความทุกข์ใจ ทำความดีเพื่อความดี ... ทำความดีเพราะรักความดี ...แต่ไม่ได้ทำเพื่อจะเป็นคนดี ... เพราะถ้าเราเป็นคนดีแล้วจะเป็นทุกข์ จากนิตยสารซีเคร็ต หน้า 9 ฉบับวันที่ 26 ก.พ. 55 ขอเสริมนิดหนึ่งนะครับเดี๋ยวอ่านแล้วจะไม่ได้อรรถรสเพราะไม่เข้าใจ แต่ขออธิบายตามความเข้าใจขอบตนเองที่ยังมีไม่มากนะครับ ประโยชน์ที่ได้จากการอ่านเรื่องนี้น่าจะทำให้เราคลายความสงสัยว่าปฏิบัติธรรมอย่างไรกันหนอ ใจถึงยังมีความทุกข์อยู่ร่ำไป บางคนถึงกับพูดว่า "ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วเป็นคนอย่างนี้ สู้คนทั่วๆไปที่ไม่ปฏิบัติธรรมไม่ได้" ในวันมาฆะบูชาพระพุทธเจ้าตรัสโอวาทปาฎิโมกข์สรุปคำสอนสำคัญใน พระพุทธศาสนาไว้ว่า "การไม่ทำความชั่วทั้งปวง 1 การบำเพ็ญแต่ความดี 1 การทำจิตของตนให้ผ่องใส 1 นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย" หัวข้อที่กล่าวว่า"อย่าเป็นคนดี" นี้ อยู่ในหัวข้อ 3 คือ "การทำจิตของตนให้ผ่องใส"นะครับ ไม่ได้อยู่ในหัวข้อ1 "การไม่ทำความชั่วทั้งปวง" ในเส้นทางการปฏิบัติธรรม ข้อแรกคือการละชั่วด้วยการถือศีล เพื่อให้จิตเป็นปกติผ่องใส ไม่ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหามากจนเกินไป ต่อมาการทำความดี ทำบุญทำกุศลและบำเพ็ญภาวนาให้จิตมีสมาธิ และฝึกสติปัฏฐานสี่เพิ่มปัญญาในการรู้ความจริงแห่งจิตใจและร่างกาย เพื่อคลายความยึดมั่นถือมั่น เห็นความไม่เที่ยงของสิ่งต่างๆ เรียกว่าเกิดปัญญา แต่จิตที่ไปอยู่ฝ่ายดีนั่นแล้วกลับทุกข์ได้อีก และทุกข์ไม่ได้น้อยกว่า คนเลวก็ได้ เพราะการไปยึดอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า "ความดี" เห็นคนไม่ดีแล้วหงุดหงิด ยิ่งจิตฉลาดจิตไว ก็ทนสภาพจิตของคนที่มากด้วย กิเลส ตัณหา และอุปาทาน อัตตามานะแรงๆไม่ค่อยได้ เกิดทุกข์ที่ไม่จำเป็นขึ้นมาแทน การละคลายความยึดติดในความดี ด้วยการไม่ยึดว่าตนเป็นคนดี ไม่ยึดในความดีที่มีในตน คือการทำใจให้บริสุทธ์คือปล่อยวางทั้งความดีและความชั่ว ถ้าปฏิบัติแล้วรู้สึกว่าอัตตามานะลดลง เป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย มีความเมตตามากขึ้น ไม่ถือพวกเขาพวกเรา ปล่อยวางได้มากขึ้นเรื่อยๆแม้ตัวอาจารย์และข้อวัตรปฏิบัติ อันเคร่งครัดเกินไปได้(แต่ไม่ใช่ให้ย่อหย่อนนะครับ)ก็ถือว่ามาถูกทาง ถ้ายังยึดติดความดีอยู่ ยังไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้ หลวงพ่อชาเลยสอน ในลักษณะให้คลายความยึดติดในการคนดี ด้วยเหตุผลนี้ครับ ^^ คัดลอกและภาพประกอบ อ๋า วนารักษ์
โดย chusak วันที่ 2012-03-15 07:56:09

1.
ส่งข้อความ	ขอบคุณมากครับ
โดย LA.หล่มสัก วันที่ 2012-03-15 13:33:15

2.
ส่งข้อความ	อืม สุดยอดจริงๆครับ ขอบพระคุณครับ
โดย tawpo วันที่ 2012-03-16 08:50:47

3.
ส่งข้อความ
โดย ช้าง วันที่ 2012-04-01 12:30:56

Total 3 Record : 1 Page : 1