หน้าหลัก ---> กระดาน พูดคุยเรื่องทั่วไป ---> บ้านสุดท้าย..หลังเดียวกัน!!!!

Total 2 Record : 1 Page : 1

chusak บ้านสุดท้าย..หลังเดียวกัน!!!!

ส่งข้อความ
บ้านสุดท้ายเดียวกัน




....ชีวิตคนเราเกิดมาก็มาคนเดียว แม้ครั้นต้องตายก็ทิ้งร่างกายไว้ผู้เดียวและก็ไปคนเดียว แม้จะชวนใครไปด้วยก็ไม่มีใครอยากไป แม้คนนั้นจะรักเราหรือเรารักมากสักเพียงใด เพียงได้ยินความว่าความตายก็ต้องอกสั่นขวัญหนีกันด้วยกันหมดทุกคน ความตายความพลัดพราก เป็นเพียงละครฉากหนึ่งของการเวียนเกิดเวียนตายอยู่ในวัฏฏะ ความไม่รู้นั้นแท้เชียวที่ทำให้เราต้องสูญเสียน้ำตาอาลัยเมื่อคราวที่คนที่เรารักต้องจากไป ใครจะรู้บ้างว่าจุดหมายปลายทางของคนที่ตายนั้นแล้วไปไหน หากแม้มีสักคนที่พอบอกได้เราก็คงไม่ต้องเสียอกเสียใจกันมากมายขนาดนี้

ความรักเป็นที่ประเสริฐที่สร้างสรรค์สิ่งดีงามให้กับโลก สร้างผู้คน สร้างสิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่เมื่อถึงวาระ คนที่เรารักต้องจากเราไปอย่างไม่หวนกลับ เรากลับอาลัยอาวรเสียน้ำตาอย่างไม่ต้องตั้งใจ การจากไปนั้น แม้ห่างกันอยู่คนละมุมโลกนี้ก็ยังพอส่งข่าวคราวหากันได้บ้าง แต่ทว่าการตายซึ่งวิญญาณต้องพลัดไปอยู่ในภพอื่น ดูเหมือนจะเป็นการจากกันที่ถาวร

ข้าพเจ้ามองเห็นหลาย ๆ คนที่โกรธ เกลียด ซึ่งกันและเพียงเพราะความไม่เข้าใจกัน บางคนโกรธ เกลียดเพราะหวงต่อทรัพย์ เกลียดกันเพราะความริษยา ผูกโกรธกัน แย่งชิงผลประโยชน์กัน ทั้งที่อดีตเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน หรืออยู่บ้านละแวกใกล้กัน หรือแม้กระทั่งเป็นพี่น้องกัน ก็ยังทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ทว่าในที่สุดท้ายของชีวิตจริง ๆ ไม่มีใครจะสามารถพ้นความตายไปได้ ความรัก ความเกลียด ความโกรธ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต บางคนเกลียดกันขนาดว่าศพก็ไม่มาเผา ทั้งที่แต่ก่อนก็เคยญาติดีต่อกัน ซึ่งนั่นเป็นอคติอย่างร้ายแรง แต่อย่างที่กล่าวมา ไม่ว่าใครต่อใครสุดท้ายปลายทางชีวิต จะเกลียดกันมากแค่ไหน ก็ต้องลงไปนอนในเตาเผาศพเดียวกันอยู่ดี จะมีประโยชน์อะไรที่เราจะต้องมาเกลียดมาทะเลาะกัน เพราะเหตุของกิเลส ตัณหานั้นชักพา และสุดท้ายดวงวิญญาณก็จะไปเกิดในที่ที่ไม่ดี หากจิตยังคงความพยาบาทอาฆาตกันอยู่

เมื่อคนเรารู้จักมอง รู้จักพิจารณา เกี่ยวกับชีวิตให้มากกว่านี้ สังคม โลกของเราก็อาจจะสงบกว่าที่เป็น แต่โลกทุกวันนี้ต่างแก่งแย่งแข่งขันกันด้วยผลประโยชน์เป็นสำคัญ มากกว่าการรู้จักเอื้อเฟื้อแบ่งปันกันอย่างเช่นในอดีต การกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยสำคัญทำให้คนเราหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องทำ ต้องหา ต้องกิน การโฆษณาในทีวี ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่คอยกระตุ้นการบริโภคที่เกินความจำเป็นอยู่ตลอดเวลา หากตัวบุคคลขาดภูมิคุ้มกันทางสติ ทางปัญญา สิ่งที่กระตุ้นความอยากก็เข้ามาทางจิตใจได้โดยง่าย และเมื่อนั้นหายนะทางชีวิตก็จะเกิดกับตัวเราเอง

ทุกคนเคยไปงานศพ แน่นอนว่าเราได้อะไรจากการไปงานศพ หรือไม่ได้อะไรเลย ทุกวันนี้คนเราประมาทมากขึ้นก็เพราะเห็นความเกิด ความตายน้อยลง ตอนเกิดก็เกิดในห้องมีผ้าปิดมิดชิด ตอนตายแล้วก็อยู่ในโลงมิดชิด ข้างนอกประดับประดาสวยงาม มันเลยทำให้คนเราขาดการพิจารณาความตาย และไม่เกิดความสลดสังเวชใด ๆ ในชีวิต แล้วมันจะได้อะไร... ในเมื่อความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ถูกปิดบังฉาบทาจากสิ่งเหล่านี้ ปัญญามันก่อเกิดยาก ความโลภ โกรธ หลง ก็เลยเจริญงอกงาม เปรียบเหมือน ชื้อราในที่มืด มันก็เจริญงอกงามดี เพราะมีเครื่องกำบังแสงแดดไม่ให้ส่องถึงมัน ฉันใดก็ฉันนั้น กิเลสของเราก็ไม่ต่างกัน เมื่อปัญญามันไม่เปิด กิเลสมันก็งอกงามอยู่อย่างนั้น ไปตลอดชีวิต ตราบจนถึงภพหน้าเลยก็ว่าได้

ดังนั้นเราพึงพิจารณากันดี ๆ ความรัก ความสามัคคีต่อกันในภพนี้ ชาตินี้ เป็นเรื่องดี เพราะอย่างไรเสียเราก็ไม่อาจจะพ้นความตายไปได้ ทรัพย์สินเงินทองมากมายตอนมีชีวิตอยู่ก็นำติดตัวไปไม่ได้สักอย่าง แม้แต่เหรียญบาทที่เขาพยายามยัดใส่ปากก็ยังเอาไปไม่ได้ เครื่องสำอาง เครื่องฉาบทาความสวยงามของร่างกายก็เช่นกัน เมื่อคราวถึงวาระ ทามากแค่ไหนก็ไม่ไหว ตายไปร่างกายเน่าผุพัง เครื่องสำอางใดเล่าจะช่วยได้ สิ่งที่ฉาบทาติดตัวเราไปได้จึงมีเพียงบุญ บาป กุศล อกุศล ความดี ความชั่วเท่านี้ ที่มันตามเราไปได้ และเป็นตัวชักนำให้เราเกิดต่อไปในภพหน้า

สุดท้ายนี้จำไว้ให้ดี ๆ ว่า “ตอนมีชีวิต เราต่างแยกกันอยู่ตามบ้านเรือน เคหะสถานของใครของมัน แต่เมื่อถึงคราวตาย เขาก็พามาอยู่ในที่ที่เดียวกันหมด ไม่ว่าเราจะอยากมาหรือไม่ก็ตาม...”

ขอขอบคุณ และคัดลอกจาก http://www.oknation.net ครับ


บ้านสุดท้าย..หลังเดียวกัน!!!!
บ้านสุดท้าย..หลังเดียวกัน!!!!


โดย  chusak วันที่ 2012-03-24 19:01:37 
 
1.  

ส่งข้อความ





โดย  ช้าง วันที่ 2012-04-01 12:01:28 
 
2.  

ส่งข้อความ





โดย  LA.หล่มสัก วันที่ 2012-04-03 17:54:52 
 

Total 2 Record : 1 Page : 1