นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ผู้หญิงคนหนึ่งได้ให้กำเนิดชีวิตเล็ก ๆ ออกมาลืมตาดูโลก คำว่า "แม่" ก็เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับความรักที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีสิ่งอื่นใดมาเทียบทัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ "แม่" ทุกคนบนโลกใบนี้ ทะนุถนอมอุ้มชูดูแลลูกน้อยจนเติบใหญ่อย่างดีที่สุด ด้วยความหวังเดียวเท่านั้น คือให้ลูกเป็นคนดี และสามารถดูแลตัวเองได้ในอนาคต
แต่เมื่อโชคชะตาเล่นตลก ทำให้ลูกต้องป่วยทางจิตถึง 2 คน คนเป็นแม่จึงไม่อาจหวังให้พวกเขาเติบโตขึ้นและดูแลตัวเองได้อย่างคนอื่น ๆ สิ่งเดียวที่เธอทำได้ และทำอย่างเต็มใจ ก็คือการอยู่ดูแลลูกเรื่อยไปจนกว่าชีวิตของตัวเองจะหาไม่ ด้วยคำว่า "แม่" ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ดังเช่นหญิงชราผู้เข้มแข็งที่เรานำเรื่องราวมาฝากกันรับวันแม่ที่กำลังจะมาถึงนี้
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ไชน่าเดลี่ เปิดเผยเรื่องราวสุดซาบซึ้งของหญิงชราชาวจีนวัย 94 ปีรายหนึ่ง ที่นับว่าเป็นที่สุดของความเป็นแม่ เมื่อเธอได้ทำหน้าที่แม่ของลูกชาย 2 คนที่ป่วยทางจิตอย่างดีที่สุด มาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 70 ปีแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เคยได้ยินคำเรียก "แม่" ออกจากปากลูกชายทั้ง 2 คนให้ชื่นใจเลยสักครั้งก็ตาม
เรื่องราวเรียกน้ำตาเรื่องนี้ เริ่มต้นขึ้นราว 75 ปีก่อน หลังจากที่หญิงสาวแซ่ "ไม่" ได้ถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวไปช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเธอก็สามารถหนีออกมาได้อย่างโชคดี จากนั้นเธอก็ได้แต่งงานกับสามีที่อายุมากกว่าเธอถึง 17 ปี และมีลูกด้วยกัน 3 คน โดยลูกของเธอนั้นเป็นคนปกติเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือลูกสาวคนโต ส่วนลูกชาย 2 คน คือ อาฟู่ และอามาน นั้น เกิดมาพร้อมกับภาวะไม่สมประกอบ แต่ปัญหานี้ ก็น้อยนิดเหลือเกินสำหรับนางไม่ ผู้มีความเป็นแม่อยู่ในหัวใจอย่างเต็มเปี่ยม เธอดูแลประคับประคองลูกชายทั้ง 2 คน ให้เติบโตขึ้นมาด้วยการดูแลอย่างสุดความสามารถเรื่อยมา
จนกระทั่งวันหนึ่ง สามีของเธอก็เสียชีวิตลงด้วยโรคชรา ตามมาด้วยลูกสาวคนโตที่เสียชีวิตตามผู้เป็นพ่อไปไม่นานหลังจากนั้น ทำให้นางไม่ ต้องรับภาระดูแลลูกชายทั้ง 2 คนเพียงลำพัง ที่บ้านหลังแคบ ๆ ในเมืองจงซาน มณฑลกวางตุ้ง ที่มีพื้นที่เพาะปลูกเล็ก ๆ ให้ได้ปลูกผักทาน โดยนางไม่จะคอยทำกับข้าว แต่งตัว ทำงานบ้าน และดูแลความเป็นอยู่ทุก ๆ อย่าง ของลูก ซึ่งเธอก็ทำได้ดีมาก ๆ เลยทีเดียว เพราะตลอดมาจนถึงวันนี้ อาฟู่ และอามาน ในวัย 71 ปี และ 68 ปี รวมถึงตัวเธอเอง ก็มีสุขภาพดีและดูอ่อนกว่าวัยเสียอีก
ถึงแม้ว่าลูกชายทั้ง 2 คน จะไม่สามารถแม้แต่จะสื่อสารกับเธอได้ แต่นางไม่ก็ยังมีความสุขในทุก ๆ วัน เมื่อได้เห็นลูกชายยิ้มอย่างเด็กไร้เดียงสา และเธอก็ไม่เคยเหงาหรือโทษชะตาชีวิตเลยแม้แต่น้อย เพราะแม้ลูกชายจะไม่สมประกอบ แต่นางไม่ก็พอจะฝึกให้พวกเขาช่วยหยิบจับ และช่วยงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ อย่างเช่นหุงข้าว หรือตัดฟืน แม้จะต้องคอยดูแลอยู่ทุกครั้งก็เถอะ เธอก็ยังมีความสุขมากกว่ามากที่อย่างน้อย ๆ ก็มีลูกชายที่รักอยู่เคียงข้าง และทำอะไรด้วยกันตลอดเวลา
อย่างไรก็ดี สิ่งเดียวที่ทำให้เธอแอบรู้สึกเศร้าใจบ้างในบางครั้ง ก็คือตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยได้ยินลูกชายเรียกเธอว่า "แม่" ให้ชื่นใจเหมือนกับที่คนเป็นแม่คนอื่น ๆ ได้ยินเลยสักครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยเลย เพราะแค่เธอได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นหน้าลูกชายทั้งสอง ก็นับว่าความสุขของเธอได้เริ่มต้นอีกวันแล้ว โดยเธอบอกว่า..
"มันไม่มีประโยชน์ที่จะร้องไห้ให้กับชะตาชีวิตของตัวเอง ในเมื่อชีวิตของฉันเป็นอย่างนี้แล้ว มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไม่ยอมทำให้ชีวิตตัวเองมีความสุขให้ได้ทุกวันล่ะ จริงไหม? และในเมื่อฉันเองก็ทำหน้าที่แม่มาเกือบทั้งชีวิตแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าฉันคงจะเป็นแม่ที่ดีได้นั่นแหละ"
และนั่นคือคำพูดของนางไม่ ซึ่งกล่าวออกมาอย่างไม่รู้ตัวเลยว่า ตอนนี้ เธอไม่ใช่แค่แม่ที่ดีเท่านั้น แต่เธอเป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลกในสายตาใครหลาย ๆ คนเลยทีเดียว
นี่แหละหนาอะไร
มิใช่ใดหนาเพราะ
..ค่าน้ำนม..
ขอเทิดพระคุณ...คุณแม่..ทุกๆท่านครับ
ขอเทิดพระคุณ...คุณแม่..ทุกๆท่านครับ
ขอขอบคุณ