หน้าหลัก ---> กระดาน พูดคุยเรื่องทั่วไป ---> สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน...» » » » จำไว้นะลูก « « « «

Total 4 Record : 1 Page : 1

chusak สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน...» » » » จำไว้นะลูก « « « «

ส่งข้อความ
 

» » » »   จำไว้นะลูก     « « « «



' อย่าหนีนะ เจ้าเด็กขี้ขโมย '
เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น
พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่าน
ฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น
แค่แวบเดียว แม่ถามฉันว่า

' อ้าวนั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ '


' ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันละ '


ป้าคนนั้นชื่อว่า ' ป้าหนอม ' เป็นแม่ค้าขายของชำ
สารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่มีฐานะ
จัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน
และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ
แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของ
มากเกินไปหรือถามราคาแล้วไม่ซื้อป้าแกจะโวยวาย
ชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว
เสียงเอะอะดังมากขึ้นฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือ
เด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบไล่เลี่ยกับฉัน
ซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือ
แม่จึงเดินเข้าไปถาม

' พี่หนอม มีไรหรอคะ '


' ก็คุณเด็กเวรนี่นะสิ มันมา ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ
พอฉันหยิบส่งให้ มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย '


พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที
และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้

' ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้วนี่จะทำไงต่อ '


แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่

' เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย
พ่อแม่ไม่สั่งสอนยังเด็กตัวแค่นี้ก็รึจะเป็นขโมยซะแล้ว
ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ '



ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ
ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่าแม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น
ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า

' อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอมเด็กมันคงอยากซื้อยา
แต่ไม่มีเงินนะ เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะกี่บาทกันละ '


ในที่สุดเรื่องก็จบลงโดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายา
แก้ปวดกับยาธาตุแล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด
แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่

' ใจดีกับเด็กขี้ขโมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ '


แม่ไม่ได้ตอบอะไรแต่พอเดินห่างจากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า

' ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ '

เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า

' แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอผมก็เลยต้อง... '

แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยืนผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็กคนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า

' ทีหลังอย่าขโมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ
น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆนี่เองถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้าแทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไปฝากคุณแม่ซิคนป่วยนะต้องกินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย '

แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรับส้มพร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป
หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที

' ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนันด้วยละ รู้จักกันเหรอจ้ะ '

แม่ยิ้มแล้วตอบฉันว่า

' ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขายอยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอกแม่ซื้อขนมแกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง '


' แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่่แม่ ' ฉันถามต่อ
แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า


' แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆกับลูก
จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบรู้คุณค่าของเงินทุกบาท
ทุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหนและคนที่มี
ความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ
เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น '


ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า

' แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า '


' ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร


' แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอบ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือน บ้านป้าหนอมเขานะแม่ '


' ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนักแต่การที่ได้ช่วยเหลือคน
ที่กำลังลำบากน่ะ มันทำให้แม่มีความสุขแล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ
แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก '


แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า

' จำไว้นะลูก คนเรานะต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคน
อื่นแก้ตัวเสมออย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะ
รักคุณแม่ของแกจริงๆ แม่ถึงช่วยแกเอาไว้ '


แล้วแม่ก็พูดต่อว่า

' ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งทีผิด ใช่...แม่ไม่เถียงแต่บางครั้ง
คนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง ตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ '



หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆกันต่อ ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้ี้อีกเลย
จนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีก
ครั้งทั้งน้ำตา ว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริงๆ

หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด
แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานในตัวจังหวัดนั้นเอง เงินเดือนก็พอประมาณ สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก
ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้าเพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้างหลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20 ปีเพื่อส่งฉันเรียน แม่ยอมปิดร้านแต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน
แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้องยอมตามใจแม่

ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายเริ่มจากปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆไม่กี่วันก็หาย หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนานขึ้นเรื่อยๆ ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอแล้วฉันก็พาแม่ไปหาหมอในเมืองหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำงานหนักมากเกินไปหมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆจะได้หายเร็วๆ

หลังจากกินยาตามที่หมอสั่งอาการปวดหัวของแม่ก็หายไป
ฉันเริ่มสบายใจขึ้น แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน
แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีกคราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว
ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย

ฉันกังวลใจมากพอถามหมอหมอก็บอกว่าต้องไปตรวจ
ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯเพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่า
โรงพยาบาลต่างจังหวัด

หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯทันที
ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งหลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่า
มีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับ
เส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้ หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรง
ถึงขั้นเสียชีวิต ฉันตกใจมากของให้หมอผ่าตัดให้ทันทีแต่หมอบอกว่า
โรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอก
ในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า

ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น ฉันก็ตกลง
หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว
แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจ
อยู่ด้านนอก ทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่และจากคำพูดของหมอ
ที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้

หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมาก
โอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก แม้การผ่าตัด
จะประสบความสำเร็จก็ตาม อีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมอง
ค่อนข้างสูง เป็นหลักแสนบาท เมื่อรวมกับค่ายาระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ ห้าแสนบาท

ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน
ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หายส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง



หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลงเป็นโชคดีของแม่ทีการผ่าตัด
ประสบผลสำเร็จและไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆทางโรงพยาบาล
บอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้

ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน ปรากฏว่า
เป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาทเป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น

ฉันแปลกใจมากจึงสอบถามกับนางพยาบาล นางพยาบาลบอกว่า
คุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดและเป็นเจ้าของไข้ บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่ โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ

ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ นางพยาบาลบอกว่าหลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัว
ไปต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ
ผ่าตัดสมองที่อเมริกา แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่

โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉัน พร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น

เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน

ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร ภู่จันทร์
> ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้ ค่าผ่าตัด 0 บาท
> ค่ายาทั้งหมด 0 บาท
> ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท
> รวมเป็นเงินทั้งหมด 0 บาท
> ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้วเมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวด ยาธาตุ
ส้มหนึ่งถุง ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ นะครับคุณน้า

นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร



คัดลอกจาก F/B







ขอขอบคุณ
เพลงจาก youtube
เรียบเรี่ยงเรื่องและภาพ chusak


+++...แง่คิดดีๆ จาก
+++...แง่คิดดีๆ จาก
+++...แง่คิดดีๆ จาก



 




สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน...» » » »   จำไว้นะลูก     « « « «



โดย  chusak วันที่ 2013-06-02 10:55:14 
 
1.  

ส่งข้อความ
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย ขอบคุณที่หาเรื่องดีๆมาให้อ่าน




โดย  กกกะทอน222 วันที่ 2013-06-02 19:47:16 
 
2.  

ส่งข้อความ
....ขอบคุณท่านพี่กกกะทอนเช่นกันครับที่แวะเข้ามาอ่านครับ....




โดย  chusak วันที่ 2013-06-03 17:34:12 
 
3.  

ส่งข้อความ
 ขอบคุณครับ




โดย  kaiindara วันที่ 2013-07-17 06:58:16 
 
4.  

ส่งข้อความ

เรื่องนี้.....ได้มีการนำมาถ่ายทอดทางทีวี++โฆษณา ที่ได้ดูแล้ว น้ำตาไหลทุกราย






โดย  ก้องชานหมาก วันที่ 2013-10-26 10:47:57 
 

Total 4 Record : 1 Page : 1