เหรียญลายเถาวัลย์(เหรียญแมงกะบี้) หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พ.ศ.๒๔๗0
หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์ ชาวบ้านยกย่องท่านเป็นเทพเจ้าแห่งเมืองนครสวรรค์ เนื่องเพราะท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีเมตตาคุณกับชาวบ้าน และเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป ไม่ว่าเศรษฐีผู้ดีไพร่ แม้ขุนน้ำขุนนางก็ล้วนเคารพนับถือท่าน ด้วยบารมีศีลจารวัตรและความเข้มขลังแห่งพุทธาคมของท่านเป็นที่เลื่องลือ หลวงพ่อเดิมท่านเป็นศิษย์ของสุดยอดเกจิอาจารย์แห่งนครสวรรค์หลายรูป เช่น หลวงพ่อแก้ว วัดอินทาราม หลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล เป็นต้น หลวงพ่อเดิมท่านไม่เคยคิดถึงยศถาบรรดาศักดิ์แต่อย่างไร ท่านถือว่าลาภยศสรรเสริญล้วนเป็นโลกธรรมแปด ซึ่งเปลี่ยน แปลงเกิดดับอยู่ตลอดเวลา มิอาจจะบังคับได้เว้นแต่จะไม่หวั่นไหวในโลกธรรมแปดเท่านั้น
หลวงพ่อเดิม พุทฺธสโร สิริอายุได้ ๘๒ ปี พรรษา ๖๐
ภาพนี้ถ่ายเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๒
<<< ประวัติพระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม) >>>
ชาติภูมิ หลวงพ่อเดิมถือกำเนิดเมื่อวันพุธ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีวอก จุลศักราช๑๒๒๒ (แรม ๑๓ ค่ำ นั่นมิใช่วันพุธ เป็นวันศุกร์ตรงกับวันที่ ๘กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๐๓ โยมบิดาชื่อ นายเนียม โยมมารดาชื่อ นางภู่ มีพี่น้องร่วมบิดา มารดา คือ ๑. หลวงพ่อเดิม เพราะเหตุที่เป็นบุตรชายคนแรกของบิดามารดา ปู่ย่าตายายจึงให้ชื่อว่า “เดิม” ๒. นางทองคำ คงหาญ ๓. นางพู ทองหนุน ๔.นายดวน ภู่มณี ๕. นางพัน จันทร์เจริญ ๖. นางเปรื่อง หมื่นนราเดชจั่น
หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล
ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ แรม๑๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง โทศก ตรงกับวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๒๓ โยมผู้ชายของหลวงพ่อได้พาไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุภาวะ ณ พัทธสีมาวัดเขาแก้ว อำเภอพยุหะดีรี จังหวัดนครสวรรค์โดยมีหลวงพ่อแก้ววัดอินทาราม (วัดใน) เป็นพระอุปัชฌายะ และหลวงพ่อเงิน (พระครูพยุหานุศาสก์) วัดพระปรางค์เหลือง ตำบลท่าน้ำอ้อย กับหลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล ตำบลสระทะเล เป็นคู่สวด เมื่ออุปสมบท พระอุปัชฌาย์ให้นามฉายาว่า “พุทฺธสโร”หลวงพ่อเดิมท่านมีนิสัยสันโดษ จนบางคราวเห็นได้ว่ามักน้อย และมีความพากเพียรพยายาม สบงและจีวรที่นุ่งห่มก็นิยมใช้ของเก่า จะได้เห็นหลวงพ่อนุ่งห่มสบงจีวรใหม่ ก็ต่อเมื่อมีผู้ศรัทธาถวายให้ครองในกิจนิมนต์ หลวงพ่อจึงครองฉลองศรัทธา ถ้าเป็นไตรจีวรแพร ครองแล้วกลับมาจากที่นิมนต์ก็มอบให้พระภิกษุรูปอื่นไป ข้าวของที่มีผู้ถวาย ถ้ามีประโยชน์แก่พระภิกษุรูปอื่นๆ หลวงพ่อก็ให้ต่อไป ของสิ่งใดที่มีผู้ถวายไว้ ถ้ามีใครอยากได้แล้วออกปากขอ หลวงพ่อก็ให้ แต่เมื่อหลวงพ่อบอกให้แล้ว ผู้ขอต้องเอาไปเลยทีเดียว ถ้ายังไม่เอาไปและทิ้งไว้ หรือฝากไว้กับหลวงพ่อ เมื่อมีใครมาเห็น ในภายหลังและออกปากขออีก หลวงพ่อก็ให้อีก เมื่อผู้ขอภายหลังเอาไปแล้วผู้ขอก่อนมาต่อว่าว่าให้ผมแล้วเหตุใดจึงให้คนอื่นไปเสียอีก หลวงพ่อจะตอบว่า ก็ไม่เห็นเอาไป นึกว่าไม่อยากได้ จึงให้คนที่เขาอยากได้ หลวงพ่อเป็นเสมือนต้นโพธิ์และต้นไทรที่มีกิ่งก้านสาขาแผ่ออกไปอย่างไพศาลเป็นที่พึ่งพาอาศัยของประชาชนไม่เลือกหน้า เนื่องจากหลวงพ่อมีอายุยืนยาวมาก บรรดาศิษยานุศิษย์รุ่นผู้ใหญ่ซึ่งเคยติดสอยห้อยตามและร่วมงานร่วมการกันมา ก็ล้มหายตายจากไปก่อนหลวงพ่อเกือบหมดถ้าว่ากันอย่างฆราวาส ก็น่าจะทำให้หลวงพ่อว้าเหว่มาก ครั้นต่อมาราว ๑๐ กว่าปี ก่อนหลวงพ่อมรณภาพ ร่างกายของหลวงพ่อ ซึ่งใช้กรากกรำทำสาธารณประโยชน์มาช้านานหลายสิบปี ก็ทรุดโทรมจนแข้งขาเดินไม่ได้ จะลุกนั่งก็ต้องมีคนพยุง จะเดินทางไปไหนก็ต้องขึ้นคานหาม หรือขึ้นเกวียนไป แม้กระนั้น ก็ยังมีผู้เลื่อมใสศรัทธามานิมนต์หลวงพ่อไปในงานการบุญกุศลเนื่อง ๆ เพราะหลวงพ่อมีศิษยานุศิษย์มาก ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยแทบทั่วบ้านทั่วเมือง หลวงพ่อปรารภว่าถ้าท่านแตกดับลง บรรดาหลานเหลนและศิษยานุศิษย์ในตำบลหนองโพและหมู่บ้านใกล้เคียง จะได้รับความลำบาก หลวงพ่อจึงได้ปรารภถึงความตายให้เห็นประจักษ์ สิ่งใดควรจัดทำขึ้นไว้ได้ก่อนท่านแตกดับ หลวงพ่อก็ให้จัดทำเตรียมไว้ เช่น สร้างบรรจุศพของท่านเองและให้ก่อสร้างตัวเมรุที่เผาศพของท่านไว้ด้วย แต่บังเอิญตัวเมรุนั้นทำล่าช้ามาก ยังมิทันเสร็จ จนหลวงพ่อมรณภาพแล้ว แม้แข้งขาของหลวงพ่อจะทานน้ำหนักตัวของท่านเองไม่ได้แล้ว หูก็ตึงไปบ้าง แต่นัยน์ตายังแจ่มใสดี มือก็ยังลงเลขยันต์ได้ตามเคย ปากก็ยังเสกเป่าและเจรจาปราศรัยได้ โดยมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ดีตลอดมา
หลวงพ่อเดิม พุทฺธสโร ในอิริยาบทสบายๆ
ภาพนี้ถ่าย ณ วัดหนองโพ ในช่วงพรรษาท้ายๆ ของท่าน
ภายหลังที่หลวงพ่อกลับจากไปเป็นประธานในงานก่อสร้างโบสถ์ในวัดอินทาราม (วัดใน) ตำบลพยุหะ อำเภอพยุหะดีรี จังหวัดนครสวรรค์ และกลับมาอยู่ในวัดหนองโพแล้ว ต่อมาหลวงพ่อก็เริ่มอาพาธ ตั้งแต่วันอังคาร ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๖ (ตรงกับวันที่ ๑๕ พฤษภาคม)พ.ศ. ๒๔๙๔ อาการทรุดลงเป็นลำดับมา จนถึงวันอังคาร แรม ๒ ค่ำ เดือนเดียวกัน วันที่ ๒๒ พฤษภาคม) อาการก็เพียบหนักขึ้น บรรดาศิษยานุศิษย์และหลานเหลนต่างพากันมาห้อมล้อมพยาบาลและฟังอาการกันเนื่องแน่น ด้วยความเศร้าโศกห่วงใยเล่ากันว่า“ครั้นตกบ่ายในวันนั้น หลวงพ่อก็คอยแต่สอบถามอยู่วา ‘เวลาเท่าใดแล้ว ๆ’ศิษย์ผู้พยาบาลก็กราบเรียนตอบไปๆ จนถึงราว ๑๗.๐๐ น. หลวงพ่อจึงถามว่า ‘น้ำในสระมีพอกินกันหรือ’(เพราะบ้านหนองโพมักกันดารน้ำดังกล่าวแล้ว) ศิษย์ที่พยาบาลอยู่ ก็เรียนตอบว่า ‘ถ้าฝนไม่ตกภายใน๖ – ๗ วันนี้ ก็น่ากลัวจะถึงกับอัตคัดน้ำ’ หลวงพ่อก็นิ่งสงบไม่ถามว่ากระไรต่อไปอีก ในทันใดนั้นกลุ่มเมฆก็ตั้งเค้ามาและฟ้าคะนอง มิช้าฝนก็ตกห่าใหญ่ น้ำฝนไหลลงสระราวครึ่งค่อนสระ พอฝนขาดเม็ด หลวงพ่อก็สิ้นลมหายใจ เมื่อเวลา ๑๗.๔๕ น. คำนวณอายุได้ ๙๒ โดยปี สรุปรวมตั้งแต่อุปสมบทมาได้ ๗๑พรรษา
บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ได้ช่วยกันสรงน้ำศพหลวงพ่อ แล้วบรรจุศพ ตั้งบำเพ็ญกุศล ณ วัดหนองโพ ตั้งแต่วันรุ่งขึ้น เว้นที่๒๓ พฤษภาคม) ติดต่อมาครบ ๗ วัน เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม แล้วก็ทำติดต่อมาอีกและทำบุญครบ ๕๐ วัน เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ทำบุญครบ ๑๐๐ วัน เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๔๙๔ จึงเก็บศพหลวงพ่อรอไว้ จนถึงเวลาจัดการพระราชทานเพลิงหลวงพ่อเดิม ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามและยกย่องเป็น“เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว” ซึ่งชาวนครสวรรค์ทุกคนยังเคารพให้ความนับถือหลวงพ่ออยู่เสมอ โดยเฉพาะทางวัดหนองโพได้สร้างมณฑปที่ประดิษฐานรูปหล่อโลหะของหลวงพ่อพระรูปเหมือนหลวงพ่อเดิม ขนาดเท่าองค์จริง ซึ่งหลวงพ่อเดิมท่านหล่อสร้างไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๒ซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ที่มณฑป ซึ่งมีประชาชนมากราบนมัสการทุกวันมิได้ขาด และทางวัดหนองโพได้จัดงานทำบุญประจำปีปิดทอง ไหว้พระรูปเหมือนหลวงพ่อเดิม ในวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๓ ของทุกปี
การเดินทางไปวัดหนองโพก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรเลย จากถนนสายเอเชียเลยจากแยกตาคลี-ชัยนาท มาอีกไม่นานก็จะมาเจอแยกเข้าวัดหลวงพ่อเดิมทางขวามือจากปากทางถึงวัดหลวงพ่อก็ประมาณ 12 ก.ม. เส้นทางลาดยางแล้วครับ สะดวกมากๆ เลย
หลังจากอ่านประวัติของหลวงพ่อมากันแล้ว ก็มาว่ากันเรื่องเหรียญลายเถาวัลย์ หรือ เหรียญแมงกะบี้ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ รุ่นแรก ปี ๒๔๗๐ นับเป็นเหรียญยอดนิยม และเป็นเหรียญที่หาชมของจริงได้ยากยิ่งอีกเหรียญหนึ่งของวงการ เหรียญนี้ออกแบบได้สวยงาม
....ขอให้หลวงพ่อมาโปรดสมาชิกทุกๆท่านนะครับ....